ไลโคปีนเป็นสารอาหารที่ร่างกายเราไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ ซึ่งเราต้องเลือกรับประทานในผักผลไม้ เป็นอาหารเสริมเข้าไปเท่านั้น และเมื่อรับประทานเข้าไปร่างกายก็จะดูดซึมสารไลโคปีนไปใช้ในส่วนต่างๆ ทันที และจะทำการขับออกจากร่างกายตลอดเวลา ดังนั้น จึงต้องรับประทานให้ได้ไลโคปีนในปริมาณที่เพียงพอ แก่ร่างกายประมาณไม่เกิน 75 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งหากรับประทานเข้าไปมากเกินอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ หรือตัวเหลือง เป็นโทษแก่ร่างกายได้
อาหารที่มีไลโคปีนสูง จะเป็นอาหารที่มีส่วนผสมของผักผลไม้ที่มีสีแดง ส้มและเหลือง จำพวกมะเขือเทศ แตงโม ฝรั่งสีชมพู เกรปฟรุต แครอท มะละกอ ฟักข้าว เป็นต้น และในซอสมะเขือเทศจะมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศสดถึง 2 เท่า เนื่องจากผ่านขั้นตอนการทำให้เข้มข้นขึ้นโดยอาศัยความร้อนและการบดเพราะโดยปกติไลโคปีนในมะเขือเทศสดจะอยู่ในรูปแบบทรานส์หากผ่านกระบวนการความร้อนก็จะอยู่ในรูปซิสโดยจะทำให้ร่างกาย สามารถดูดซึมไลโคปีนได้ดี แต่ต้องผ่านความร้อนที่ไม่สูงมากจนเกินไปเพราะหากถูกความร้อนนานเกินไปไลโคปีน ก็จะสลายไป
ประโยชน์ของไลโคปีน ไลโคปีนนั้นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะบรรดามะเร็งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง กระเพาะอาหาร มะเร็งปอด มะเร็งระบบทางเดินอาหาร มะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งเต้านม ฯลฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ มะเร็งต่อมลูกหมากจะได้ผลอย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ไลโคปีนยังช่วยบำรุงผิวพรรณ ชะลอริ้วรอยก่อนวัย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ช่วยป้องกันโรคหลอดหลอดแดงแข็งตัว ละลายไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือด ช่วยสร้างสมดุล ให้แก่ร่างกาย ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดภาวะเครียด สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย และในไลโคปีนมีสารอนุมูลอิสระ มากกว่าเบต้าแคโรทีนถึง 2 เท่า รวมทั้งมีผลการวิจัยว่าการรับประทานอาหารที่มีไลโคปีนอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดอัตราหัวใจวายในผู้ชายได้ถึง 50% เลยทีเดียว
ในปัจจุบันอาหารจำพวกฟาสต์ฟู้ดเป็นอาหารทางเลือกหนึ่งที่ผู้คนนิยมรับประทานกันมากซึ่งอาจจะทำให้เรา มองข้ามสิ่งดีๆที่มีประโยชน์จากธรรมชาติฉะนั้นเราต้องเริ่มหันมาใส่ใจในสุขภาพกันสักนิดแล้วละค่ะ ^^