กินแล้วจุกแน่นบ่อย “เสี่ยงอันตราย”
กินแล้วจุกแน่นบ่อย ระวังเสี่ยงเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ภัยเงียบคุกคามคุณภาพชีวิตของผู้หญิงในวัยทำงาน หากมีอาการจุกแน่นชายโครงขวาและลิ้นปี่บ่อยหลังรับประทานอาหาร อย่าคิดว่าแค่โรคกระเพาะอาจเป็นสัญญาณเตือน อันตราย ควรรีบพบแพทย์
ปัจจุบันการรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี มีการพัฒนาเทคโนโลยีในการดูแลรักษาไปมากแล้ว จึงควรเข้ารับการตรวจ เพื่อที่จะได้รับการรักษา หากตรวจพบก็จะรักษาได้ทันท่วงที เนื่องจากนิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการใดๆ จะเกิดขี้นอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว ในประเทศไทยมีผู้ป่วยร้อยละ 5-10 ของประชากร เป็นโรคที่ป้องกันได้ยาก เนื่องจากมีหลายปัจจัย ที่ทำให้เกิดนิ่วพบมากใน 4 กลุ่มเสี่ยง 4F คือ
- พบมากในผู้หญิง(Female) มากกว่าเพศชายประมาณ 2-3 เท่า
- พบมากในวัย 40 ปีขึ้นไป (Forty) หรือวัยกลางคนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ
- พบมากในคนอ้วน(Fatty) การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ทำให้มีคอเลสเตอรอลสะสมในถุงน้ำดีมากเกินไป
- พบมากในผู้ที่มีอาการจุกแน่นบ่อยๆหลังรับประทานอาหารไขมันสูง(Fat Intolerance)และมีอาการปวดท้องบ่อยๆ หลังรับประทานอาหาร นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย ก็สามารถเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้
นิ่วในถุงน้ำดีหากไม่รีบรักษา จะทำให้นิ่วที่อยู่ในถุงน้ำดี ตกไปในท่อน้ำดี กลายเป็นนิ่วในท่อน้ำดีมีความยุ่งยาก ในการรักษา และเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต เรามักไม่ใส่ใจไปตรวจ เข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคกระเพาะอาหาร เมื่อมาพบแพทย์ก็มีอาการรุนแรงแล้ว ทำให้การรักษายุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น
เรื่องที่คุณอาจสนใจ