มะรุม มาจากประเทศอินเดียและประเทศในแถบหิมาลัย ในอินเดียน้ำมันมะรุมถูกใช้เป็นยาอายุรเวชและเป็นอาหาร ในตอนนี้ต้นมะรุมถูกปลูกอยู่ในหลายประเทศแล้วรวมถึงประเทศไทย ฟิลิปปิน และแอฟริกา นอกจากจะใช้เป็นยาและอาหารแล้ว น้ำมันมะรุมยังถูกใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่นให้กับเครื่องจักร และพลังงานเชื้อเพลิง
เมื่อเมล็ดของต้นมะรุมถูกบีบกดจะมีน้ำมันสีเหลืองๆใสๆออกมา ซึ่งน้ำมันชนิดนี้เราจะเรียกกันว่าBen Oil หรือ Behen Oil เพราะมันมีความเข้มข้นของกรดเบเฮนนิค(Behenic Acid) และกรดไขมัน(Fatty Acid)สูงมาก เนื่องจากน้ำมันมะรุมมีสารแอนติออกซิแดนท์(Antioxidant)ที่คงความสดใหม่ให้กับเซลล์ตามธรรมชาติ มันจึงเป็นน้ำมันที่ความเสถียร(Stable), ป้องกันกลิ่นเหม็นหืน และมีอายุการใช้งานถึง 5 ปี น้ำมันมะรุมอุดมไปด้วยสารอาหาร มีสาร palmitoleic สูง, มี oleic และ linoleic acids, กรดไขมันที่ให้ความชุ่มชื้น(moisturizing fatty acids) และวิตามิน A และ C
สรรพคุณที่สำคัญ
1. บำรุงผิวพรรณ น้ำมันมะรุมพบมากในเครื่องสำอางเนื่องจากน้ำมันมะรุมทำให้ผิวชุ่มชื้น ทำความสะอาดและสรรพคุณช่วยให้ผิวนวล น้ำมันมะรุมสามารถใช้เป็นแชมพู ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม โลชั่น น้ำมันทาตัว(Body Oil) น้ำมันทาปาก ครีมลบเลือนริ้วรอยแห่งวัย ครีมทาหน้า สบู่ น้ำหอม และใช้ดับกลิ่นตัวได้ น้ำมันมะรุมยังถูกใช้ทำน้ำมันหอมระเหยและน้ำมันนวด เนื่องจากน้ำมันมะรุมผสมได้ดีกับน้ำมันหอมระเหยและสามารผสมกับส่วนผสมอื่นๆได้ดีเยี่ยม น้ำมันมะรุมสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ผิวพรรณเปร่งปรั่งสดใส
2. ลดริ้วรอย น้ำมันมะรุมช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่เกิดริ้วรอย สารแอนติออกซิแดนซ์ และสารอาหารในน้ำมันมะรุมช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระซึ่งเป็นเหตุให้เนื้อเยื่อของผิวถูกทำลายและนำไปสู่การเกิดริ้วรอยในที่สุด ช่วยแก้ไขริ้วรอยที่เกิดขึ้นและการหย่อนคล้อยของผิวหนัง
3. ป้องกันสิวและจุดด่างดำจากสิว น้ำมันมะรุมช่วยจัดการสิวหัวดำและสิวหัวหนอง เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยไม่ให้เป็นสิวซ้ำอีก ช่วยลบเลือนจุดด่างดำที่เกิดจากสิว