มะเร็งเต้านม โรคร้ายที่ป้องกันได้

  โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิง จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านมร้อยละ 37 ของมะเร็งทั้งหมด และยังมีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งปอด ดังนั้นการดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง และการค้นพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มแรกในขณะที่ก้อนมีขนาดเล็ก และก้อนมะเร็งยังอยู่เฉพาะที่เต้านม ยังไม่แพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ จะมีโอกาสหายขาดมากขึ้น เมื่อเทียบกับการตรวจพบก้อน มะเร็งที่มีขนาดใหญ่ หรือกระจายไปต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้แล้ว โดยหากมีการตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้น มีโอกาสที่จะมีชีวิตเกิน 5 ปีถึงร้อยละ 98 ถ้าตรวจเจอ ตอนก้อนมะเร็งกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้แล้ว มีโอกาสที่จะมีชีวิตเกิน 5 ปีร้อยละ 84 และถ้าตรวจเจอ ตอนมะเร็งแพร่กระจายไปแล้ว โอกาสที่จะมีชีวิตเกิน 5 ปี มีเพียงร้อยละ 23 และยังไม่แพร่กระจายจะทำให้มีโอกาศรอดชีวิตสูง ก้อนขนาดเล็กก่อนที่จะรู้เรื่องมะเร็งท่านต้องทราบ เต้านมของคนเราประกอบไปด้วยไขมัน เนื้อเยื่อ ต่อมน้ำนมนมประมาณ 15-20 กลีบ ภายใน กลีบประกอบด้วยกลีบย่อย และมีถุงติดอยู่กับท่อน้ำนมซึ่งจะเปิดยังหัวนมภายในเต้านมยังมีหลอดเลือด และน้ำเหลืองซึ่งจะไปรวมกันยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ มะเร็งที่เกิดในท่อน้ำนมเรียกว่า ductal carcinoma เมื่อมะเร็งแพร่กระจายมักจะไปตามต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ และอาจจะไปยังกระดูก ตับ ปอด และยังไปตามหลอดเลือด เต้านมคนเราเปลี่ยนแปลงตามอายุ […]

6 อาการเสี่ยง โรคโลหิตจาง

  เลือดจาง หรือ โลหิตจาง (Anemia) คือภาวะที่ร่างกายมีปริมาณเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ ทำให้ไม่สามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อต่างๆ ได้ดีเท่าที่ควร นำไปสู่อาการซีด วิงเวียนศีรษะ และอ่อนเพลีย เราอาจได้ยินคำว่า เลือดจาง หรือ โลหิตจาง กันอยู่บ่อยๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ภาวะโลหิตจางนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งที่เป็นมาแต่กำเนิด และเพิ่งเป็นภายหลัง ซึ่งแต่ละสาเหตุนั้นก็มีความรุนแรงต่างกันไป อาการของภาวะเลือดจาง การที่ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ ทำให้ร่างกายขาดฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติตามมา เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายกว่าปกติ ซีด ผิวหนังไม่มีเลือดฝาด วิงเวียนศีรษะ ปวดหัว มึนงง และหน้ามืดบ่อย หายใจลำบาก และอาจมีอาการเจ็บหน้าอกเป็นบางครั้ง ใจสั่น มือเท้าเย็น ซึ่งความรุนแรงและความถี่ในการเกิดอาการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และหากภาวะเลือดจางเกิดจากสาเหตุที่รุนแรงมาก ก็อาจอันตรายถึงขั้นเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ช็อก และเสียชีวิต สาเหตุของภาวะเลือดจาง การที่มีปริมาณเม็ดเลือดแดงน้อยลงจนนำไปสู่ภาวะเลือดจางนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแบ่งได้เป็น 3 สาเหตุหลัก ได้แก่ ร่างกายเสียเลือดมาก มีการสร้างเม็ดเลือดแดงน้อย และมีการทำลายเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติ สาเหตุจากร่างกายเสียเลือดมาก เป็นสาเหตุของภาวะเลือดจางที่พบได้บ่อย โดยการเสียเลือดอาจเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน หรือเกิดแบบเรื้อรังก็ได้ ยกตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้เสียเลือดมาก ได้แก่ การเกิดอุบัติเหตุ การตกเลือดจากการคลอดหรือแท้งบุตร การติดเชื้อพยาธิปากขอ เสียเลือดมากจากการมีประจำเดือน เป็นต้น สาเหตุจากมีการสร้างเม็ดเลือดแดงน้อย ปัจจัยที่ทำให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ มีทั้งโรคที่เป็นมาแต่กำเนิด […]

ผัก 5 สี ป้องกันโรคร้ายได้อยู่หมัด

1.สีเขียว ต้านโรคมะเร็ง ต้านริ้วรอย ช่วยในการขับถ่าย ผักผลไม้ที่มีสีเขียว อาทิ กะหล่ำปลีสีเขียว, คะน้า, อะโวคาโด, แตงกวา, ผักโขม, ถั่วลันเตา, แอปเปิลสีเขียว, องุ่นเขียว ใครชอบแบบไหนเลือกทานตามใจชอบ 2.สีแดง บำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง ลดการเกิดสิว ป้องกันมะเร็งได้ ผักผลไม้ที่มีสีแดง อาทิ มะเขือเทศ, หอมแดง,แอปเปิลสีแดง, สตรอว์เบอร์รี่, เชอรี่, ส้มโอสีชมพู, ทับทิม, องุ่นแดง, แตงโม 3. สีส้ม ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม ลดไขมันในเลือด ผักผลไม้ที่มีสีส้ม อาทิ แครอท, ฟักทอง, ข้าวโพด, มันฝรั่งหวาน, พริกสีเหลือง, ส้ม, เสาวรส, มะม่วง, แคนตาลูป, มะละกอ 4. สีม่วง ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ ช่วยให้เส้นผมเงางาม ผักผลไม้ที่มีสีม่วง อาทิ มะเขือม่วง, กะหล่ำปลีสีม่วง, มันสีม่วง, เผือก, ข้าวนิล 5. สีขาว […]

8 สุดยอด อาหารบำรุงเลือด

1.เลือด ตับ เนื้อสัตว์ต่าง ๆ  หากเอ่ยถึงอาหารบำรุงเลือด หลายคนนึกถึงพวกเลือด ตับ และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเนื้อแดง อาหารเหล่านี้มีสารประกอบฮีม (Heam Iron) ซึ่งร่างกายจะดูดซึมไปใช้ได้ดี 2. ธัญพืช แป้ง ไข่ ผักใบเขียวเข้ม      แม้ธัญพืช แป้ง ไข่ และผักใบเขียวเข้มจะเป็นสารประกอบที่ไม่ใช่ฮีม (Nonheme Iron) แต่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เช่นกัน ทั้งนี้ต้องอาศัยกรดเกลือในกระเพาะอาหารช่วยทำให้ธาตุเหล็กออกมาจากอาหารก่อน ร่างกายจึงจะดูดซึมไปใช้ได้ 3. อาหารทะเล ปลา เป็ด ไก่ ม้าม และไข่แดง      ใครที่ชอบกินอาหารทะเล โดยเฉพาะเมนูหอย ขอบอกเลยว่ามีธาตุเหล็กสูงมาก หรือพวกปลาทะเลก็ให้ธาตุเหล็กที่ดีต่อร่างกาย เช่น ปลาแซลมอนกระป๋องหรือทูน่ากระป๋อง หรือถ้าเบื่อ ๆ อาหารทะเลก็หันมากินพวกเป็ดหรือไก่ก็ได้นะคะ สำหรับคุณแม่ที่มีคุณลูกดื้อไม่ยอมกินตับหรือม้ามก็ให้กินไข่แดงแทนได้นะคะ 4. ซีเรียล ข้าวโอ๊ต ถั่วแดง ถั่วดำ อัลมอนด์ จมูกข้าวสาลี      […]

10 เมนู กระตุ้นระบบขับถ่าย

ใครที่ขับถ่ายยาก ถ่ายไม่ออก หรือท้องผูกเป็นประจำคงต้องหาตัวช่วยเพื่อกระตุ้นลำไส้กันสักหน่อยเพื่อให้ถ่ายง่าย ถ่ายคล่องขึ้นกัน 1. ส้มตำ        ในส้มตำมีผลไม้แก้ท้องผูก อย่างมะละกอ แถมยังมีผักชนิดอื่น ๆ เช่น มะเขือเทศ และถั่วฝักยาวอยู่อีกต่างหาก เรื่องปริมาณไฟเบอร์ก็ไว้ใจเมนูนี้ได้เลย แต่จริงๆแล้วลำพังแค่มีมะละกอก็ช่วยแก้อาการท้องผูกได้อย่างมาก เพราะมะละกอมีน้ำย่อยธรรมชาติในตัวเอง สามารถกำจัดคราบโปรตีนเก่าๆที่ย่อยไม่หมดจนขัดขวางการขับถ่ายของลำไส้ออกไปได้ คราวนี้ของเสียก็จะถูกลำเลียงอย่างคล่องปรู๊ดแล้วนั่นเอง 2. แกงส้มชะอมกุ้ง         ผักชะอมทำเมนูอะไรก็อร่อยไปหมดนะ แถมชะอมยังเป็นผักพื้นบ้านที่มีไฟเบอร์ทั้งชนิดละลายน้ำ และไม่ละลายน้ำ ซึ่งดีต่อการทำงานของลำไส้ เนื่องจากไฟเบอร์ในชะอมจะช่วยทำความสะอาดลำไส้ของเรา การขับถ่ายของเสียจึงเป็นไปอย่างคล่องตัวมากขึ้นนั่นเอง 3. แกงเหลืองมะละกอกุ้ง        อีกหนึ่งเมนูมะละกอสำหรับคนชอบรสจัดจ้านที่นอกจากจะมีมะละกอเป็นตัวช่วยปลุกระบบขับถ่ายให้ทำงานด้วยความคล่องแคล่วแล้ว ในเมนูแกงเหลืองยังมีส่วนผสมของน้ำมะขามเปียกอีกด้วย เรียกได้ว่าผสานพลังความมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ กันอย่างจัดเต็มเลยทีเดียว 4. ยำ/ตำผลไม้         ถ้าจะให้ดีแนะนำให้เป็นตำหรือยำผลไม้ที่มีสับปะรด มะเฟือง แอปเปิ้ลเขียว แก้วมังกร และกีวีรวมอยู่ด้วยกัน เพราะผลไม้เหล่านี้ล้วนเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณแก้ท้องผูกทั้งนั้นเลยนะ 5. แกงขี้เหล็ก […]

5 เมนูยอดฮิต กินไม่คิดชีวิตเสี่ยง “โรคมะเร็ง”

ฮอตดอก แฮมเบอร์เกอร์ มีสารไนเดรต เป็นสารก่อมะเร็ง เด็กควนทานเกิน 12ชิ้น/เดือน เนื้อสัตว์แปรรูป ได้แก่ใส้กรอก เบคอน  เนื่องจากมีไขมันอิ่มตัวจำนวนมาก เพิ่มการสั่งเป็นโรคหัวใจและมะเร็ง โดนัท เป็นอาหารที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมากที่สุด หากเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยง มันฝรั่งทอด เฟรนซ์ฟรายส์ ผ่านกระบวนการทอดด้วยน้ำมันที่อุณฆภูมิสูง ทำให้มีสารก่อมะเร็ง ชิป มันฝรั่งทอดแผ่นบาง ทำจากแป้ง น้ำตาลและมีไขมันทรานส์ ซึ่งเสี่ยงในการเกิดโรงมะเร็ง สามารถสั่งซื้อหรือสอบข้อมูลเกี่ยวผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย เพื่อสุขภาพ ได้ที่ www.taradhealth.com โทร 062-595-3399 , 085-688-7890 ID Line: @taradhealth Facebook: TaradHealth กินไอติมได้จริงเหรอ? ถ้าเป็น “ทอนซิลอักเสบ” 13/03/256531/05/2022adminข่าววิชาการ, ข่าวสุขภาพ, ความรู้ด้านสุขภาพ, รู้ทันโรค, อาหารเพื่อสุขภาพ, เนื้อหาทั้งหมดทอนซิลอักเสบ, สารฟลาโวนอยด์, ไอศครีม ☘️ มุมสาระน่ารู้ TardHealth info ความรู้เพื่อสุขภาพ รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ By TaradHealth ทำไมคนถึงฮิตทำ “คีโต” […]

ล้างพิษ PM 2.5 ได้ด้วยบร็อกโคลีปั่น

  ล้างพิษ PM 2.5 ได้ด้วยบร็อกโคลีปั่น นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ขณะที่เรากำลังตื่นตกใจกับฝุ่นละเอียดในอากาศ การใส่หน้ากากเป็นวิธีหนึ่งเพื่อลดการรับเข้าสู่ร่างกาย แต่การแพทย์ Wellness ขอแนะนำอีกวิธีหนึ่งที่เพิ่มการขับพิษฝุ่นละอองออกจากร่างกาย คือการบริโภคบร็อกโคลีและผักในตระกูลเดียวกันเช่นกระหล่ำปลี จะมีสาร Indole 3 carbinol ซึ่งปกติออกฤทธิ์ป้องกันมะเร็งได้หลายชนิดอยู่แล้ว งานวิจัยชิ้นสำคัญโดย Tom Kenslet มหาวิทยาลัย John Hopkins Bloomberg School of Public Health ทำวิจัยเมื่อปี 2014 ที่มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ในผู้รับการวิจัย 300 คนทั้งชายและหญิง พบว่าการกินบร็อกโคลีสามารถเอื้อให้เกิดการขับสารพิษออกทางปัสสาวะ ได้แก่สารก่อมะเร็ง Carcinogen benzene เพิ่มขึ้น 61% และขับสารก่อความระคายเคือง Irritant acrolein เพิ่มขึ้น 23% เป็นการออกฤทธิ์ของ Sulforaphane คือสามารถกระตุ้นให้ตับขับล้างสารพิษใน phase 2 ทำให้ขับสารก่อมะเร็งออกทางปัสสาวะได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นี่น่าจะเป็นทางออกหนึ่งของการรณรงค์ให้ประชาชนดูแลตัวเองได้อีกทางหนึ่ง ขอเครดิตความรู้นี้แก่ […]

ปลีกล้วยสุดยอดพืชสมุนไพรกับคุณประโยชน์ที่ล้นเหลือ

  ปลีกล้วยสุดยอดพืชสมุนไพรกับคุณประโยชน์ที่ล้นเหลือ ปลีกล้วย  คือส่วนดอกของต้นกล้วยที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ประกอบด้วยดอกจริงที่จะถูกหุ้มอยู่ภายในด้วยใบประดับสีแดงขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นการซ้อนกันจนสุดปลายช่อคล้ายดอกบัวตูม เมื่อดอกเพศเมียเจริญเป็นผลโดยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการผสมเกสร หรือที่เรียกกันว่า “กล้วยตีนเต่า” ชาวสวนก็จะตัดปลีนั้นทิ้ง เพื่อไม่ให้แย่งอาหารจากผลกล้วย อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการสะสมเชื้อโรคของเครือกล้วยอีกด้วย คนไทยเรานิยมนำปลีกล้วยมาทำเป็นแกง สลัด หรือ กินดิบๆ  ปลีกล้วยอุดมไปด้วยสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการหลากหลายชนิดที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิตามินเอ และวิตามินซี และยังช่วยบรรเทาอาการปวดได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจะมาดูกันว่าปลีกล้วยนั้นมีประโยชน์กับเราอย่างไรบ้าง ปลีกล้วยช่วยบำรุงน้ำนมสำหรับหญิงตั้งครรภ์ มีงานวิจัยชี้ว่าปลีกล้วยช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่ได้ และยังช่วยเพิ่มคุณค่าสารอาหารในน้ำนมแม่ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งปลีกล้วยยังจะช่วยรักษาภาวะเลือดออกมากเกินไป ปรับสภาพมดลูก ลดปัญหาท้องผูกเนื่องมาจากการตั้งครรภ์ ปลีกล้วยสามารถรักษาอาการติดเชื้อได้ ปลีกล้วยสามารถช่วยรักษาอาการติดเชื้อได้ เนื่องจากในปลีกล้วยมีสารเอทานอล ซึ่งมีฤทธิ์ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี ปลีกล้วยเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคโลหิตจาง นักโภชนาการแนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานลองรับประทานหัวปลีต้มสุกหรือจะรับประทานแบบดิบๆก็ได้ จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และยังช่วยเพิ่มปริมาณฮิโมโกลบินในร่างกาย เนื่องจากปลีกล้วยอุดมไปด้วยธาตุเหล็กจากธรรมชาติซึ่งเป็นสารสำคัญที่ใช้ในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงให้กับร่างกาย ปลีกล้วยกับคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ปลีกล้วยนั้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของโรคมะเร็ง และการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ปลีกล้วยกับปัญหาประจำเดือนมาผิดปกติและการลดน้ำหนัก ในปลีกล้วยจะมีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มฮอร์โมนในการช่วยลดภาวะเลือดออกมากจนเกินไป รวมไปถึงปลีกล้วยเป็นอาหารที่มีเส้นใยสูง จึงช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักด้วยวิธีธรรมชาติ ปลีกล้วยเป็นแหล่งอาหารที่ทรงคุณค่า ปลีกล้วยอุดมไปด้วยสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการที่จำเป็นต่อร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี เส้นใย รวมไปถึงโพแทสเซียมอีกด้วย ปรับสภาพอารมณ์และลดความเครียด […]

น้ำมันงาดำช่วยป้องโรคข้อเสื่อม

  น้ำมันงาดำช่วยป้องโรคข้อเสื่อม น้ำมันงาดำ นั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะด้วยสรรพคุณที่มีอยู่มากมายหลายประการ และหนึ่งในสรรพคุณของผู้ที่รับประทานน้ำมันงาดำ แล้วนำมาบอกต่อๆ กันก็คงหนีไม่พ้นการใช้น้ำมันงาดำเพื่อลดอาการปวดข้อ ต้านการอักเสบของข้อต่างๆในร่างกาย และช่วยลดความเสี่ยงของโรคข้อเสื่อมนั่นเอง โรคปวดเข่า ปวดข้อ และข้อเสื่อมนั้น  เป็นโรคที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานแก่ร่างกายและจิตใจสำหรับผู้ที่เป็นเป็นอย่างมาก สาเหตุของโรคข้อเสื่อมนั้นเกิดจากการที่ข้อกระดูกส่วนต่างๆของร่างกายนั้นต้องแบกรับน้ำหนักที่มากเกินไป หรือได้รับแรงกระแทกบ่อยๆเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ชีวิตประจำวัน การเล่นกีฬา การออกกำลังกาย จนจะส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณข้อกระดูกนั้นถูกทำลายได้ ปัจจุบันนี้มีกลุ่มนักวิชาการได้ค้นพบแล้วว่า สารเซซามิน ซึ่งเป็นสารเฉพาะที่พบในงาดำเท่านั้น มีสรรพคุณที่สามารถช่วยยับยั้งการทำงานของสารอินเตอร์ลิวติน-1 เบต้า (Interleukin-1 Beta หรือ IL-1 Beta) ซึ่งสารดังกล่าวนี้เป็นตัวการที่ก่อให้เกิดการสลายของกระดูกอ่อน  ในน้ำมันงาดำยังมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ จึงทำให้อาการปวดลดลง นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนนั้นสำคัญต่อการเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ข้อต่อ และกระดูกอ่อนได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการเลือกรับประทานน้ำมันงาดำสกัดเย็น จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคข้อเสื่อมได้ และหากเราเลือกที่จะรับประทานน้ำมันงาดำเป็นประจำร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคข้อเสื่อมได้อย่างแน่นอน กินไอติมได้จริงเหรอ? ถ้าเป็น “ทอนซิลอักเสบ” 13/03/256531/05/2022adminข่าววิชาการ, ข่าวสุขภาพ, ความรู้ด้านสุขภาพ, รู้ทันโรค, อาหารเพื่อสุขภาพ, เนื้อหาทั้งหมดทอนซิลอักเสบ, สารฟลาโวนอยด์, ไอศครีม ☘️ มุมสาระน่ารู้ […]

4 วิธีกำจัดเซลลูไลท์ที่ได้ผลจริง

4 วิธีกำจัดเซลลูไลท์ที่ได้ผลจริง เซลลูไลท์ คือไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังซึ่งทำให้ผิวมีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม ขรุขระหรือเกิดรอยย่น มักเกิดขึ้นที่ต้นขา สะโพก ก้น ท้อง หน้าอก ท้องน้อย และต้นแขน  ส่วนใหญ่มักจะเกิดในวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่เพศหญิง เซลลูไลท์ไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด แต่อาจทำให้ผิวหนังดูไม่เรียบเนียน ทำให้ผู้ที่มีเซลลูไลท์เกิดความไม่มั่นใจได้ ทางการแพทย์เชื่อว่าเซลลูไลท์เกิดจากการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวหนังบริเวณที่เลือดไหลเวียนไม่ค่อยดี ทำให้ผนังชั้นหุ้มเซลล์เกิดผิวที่ขรุขระแตกลาย ดูไม่สวยงาม คล้ายกับผิวเปลือกส้ม โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์มากหรือน้อยอาจขึ้นอยู่กับ การรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง การอดอาหารอย่างหนักลดน้ำหนัก การทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกายที่ล่าช้า การไม่ออกกำลังกายการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิด การที่ร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ ปริมาณของไขมันในร่างกาย แต่เซลลูไลท์ไม่ได้เกิดขึ้นในคนอ้วนเท่านั้น คนผอมก็สามารถมีเซลลูไลท์ได้เช่นกัน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาใดที่ทำให้เซลลูไลท์หายไปได้อย่างสิ้นเชิง แต่มีวิธีที่สามารถช่วยทำให้ผิวบริเวณที่เกิดเซลลูไลท์แลดูจางลงได้ หรืออย่างน้อยช่วยทำให้หายไปได้ชั่วคราว โดยวิธีรักษาเซลลูไลท์ มีดังต่อไปนี้ การลดน้ำหนัก การออกกำลังกายหรือการรับประทานอาหารสุขภาพเพื่อลดน้ำหนัก สามารถช่วยทำให้ลักษณะของผิวที่ขรุขระหรือแตกลายดูดีขึ้น แต่การลดน้ำหนักตัวไม่ได้ช่วยทำให้เซลลูไลท์หายไปจนหมดอย่างถาวร แต่ทำให้ผิวดูดีหรือกระชับขึ้นได้เท่านั้น เจลลดเซลลูไลท์ วิธีนี้จะเป็นการนวดร่วมกับเจลสลายเซลลูไลท์ โดยเจลจะออกฤทธิ์ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกินตามบริเวณที่ต้องการได้ เลเซอร์และระบบความถี่คลื่นวิทยุ เป็นการกำจัดเซลลูไลท์ด้วยการละลายไขมันใต้ชั้นผิวหนัง โดยการใช้คลื่นความถี่วิทยุและแสงอินฟาเรด การดูดไขมัน เป็นการใช้อุปกรณ์ลักษณะเป็นท่อโลหะขนาดเล็กเป็นเส้นแทรกเข้าไปในชั้นไขมันแล้วทำให้เซลล์ไขมันแตกออกและดูดเอาเซลล์ไขมันออกมา อย่างไรก็ตาม วิธีการดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการช่วยขจัดเซลลูไลท์ในอนาคต แต่วิธีที่ดีที่สุดก็ยังเป็นการออกกำลังกายและการลดน้ำหนัก  ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างยอมรับว่าการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในการช่วยขจัดปัญหาเซลลูไลท์ กินไอติมได้จริงเหรอ? ถ้าเป็น “ทอนซิลอักเสบ” 13/03/256531/05/2022adminข่าววิชาการ, […]

1 5 6 7 8 9 12